O4 ข้อมูลคณะกรรมการ ตรวจสอบและติดตาม การบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.)ของสถานีตำรวจ
บทบาทอำนาจหน้าที่ คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา
Powered By EmbedPress
รายชื่อของคณะ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา
Powered By EmbedPress
ผลการดำเนินงาน คณะ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา ในแต่ละเดือน
Powered By EmbedPress
ก ก ก...คู่มือการดำเนินการตามระเบียบ ก.ต.ช.ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ.2549
Powered By EmbedPress
ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องกำหนดวิธีการเลือก กรรมการ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา
Powered By EmbedPress
พรก.เบี้ยงประชุมฯ
Powered By EmbedPress
รายงานการวิเคราะห์คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา
บทนำ: ภาพรวมของคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.)
คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ หรือที่รู้จักกันโดยย่อว่า กต.ตร. ถือเป็นกลไกสำคัญที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับสถานีตำรวจ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด.[1, 2] บทบาทของ กต.ตร. มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ติดตาม และเสนอแนะการบริหารงานของสถานีตำรวจ เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใส ความยุติธรรม และความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่.[3]
วัตถุประสงค์หลักของการมีอยู่ของ กต.ตร. คือการทำให้การบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจเป็นไปตามระบบคุณธรรม มีมาตรการป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ และส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจประพฤติปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมกับเกียรติศักดิ์ของตำรวจ.[4, 5] กต.ตร. มีหน้าที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และให้คำแนะนำช่วยเหลือในการประชาสัมพันธ์งานของสถานีตำรวจ.[2] การทำหน้าที่นี้ช่วยลดช่องว่างระหว่างตำรวจและประชาชน โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนของภาคประชาชนในการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม.[6] บทบาทนี้ไม่เพียงแค่เป็นการกำกับดูแลเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความไว้วางใจจากสาธารณะผ่านช่องทางที่เป็นทางการและเข้าถึงได้สำหรับการร้องทุกข์ ซึ่งส่งเสริมความสัมพันธ์แบบร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและชุมชนที่พวกเขาให้บริการ นี่คือองค์ประกอบสำคัญของการบริหารงานตำรวจในระบอบประชาธิปไตยยุคใหม่ ที่มุ่งสร้างความชอบธรรมให้กับการปฏิบัติงานของตำรวจผ่านการมีส่วนร่วมของชุมชน
การจัดตั้งและบทบาทของ กต.ตร. มีรากฐานมาจากการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติในระดับประเทศ.[4, 5, 7] การเน้นการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและชุมชน [2, 7] บ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ไปสู่การกระจายอำนาจความรับผิดชอบ แทนที่จะพึ่งพากลไกภายในจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียว สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการตระหนักว่าการบริหารงานตำรวจที่มีประสิทธิภาพนั้นต้องอาศัยบริบทของท้องถิ่นและการสนับสนุนจากชุมชน พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 [5, 8, 9] ซึ่งเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ "ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำใด ๆ" [8] และด้วย "ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น".[1] การกำกับดูแลในระดับท้องถิ่นผ่านองค์กรอย่าง กต.ตร. จึงถือเป็นรากฐานสำคัญในการบรรลุเป้าหมายของกองกำลังตำรวจที่มีความเป็นอิสระ มีจริยธรรม และมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั่วประเทศ
การจำแนกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: กต.ตร. กับองค์กรอื่น
ในบริบทของการบริหารงานตำรวจและการกำกับดูแลในประเทศไทย มีคณะกรรมการหลายชุดที่มีชื่อย่อคล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนได้ การทำความเข้าใจความแตกต่างของบทบาทและอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กรจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- กต.ตร. (คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ): องค์กรนี้มีบทบาทหลักในการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจในระดับท้องถิ่น.[2] นอกจากนี้ยังทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในกิจการตำรวจ.[7, 10, 11]
- กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง): เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง การสืบสวนไต่สวน และวินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมถึงการออกกฎระเบียบที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานเลือกตั้ง.[12] กกต. มีบทบาทที่แยกต่างหากจากการบริหารงานตำรวจโดยสิ้นเชิง
- ก.ตร. (คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ): ทำหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ มีอำนาจในการกำหนดนโยบายและมาตรฐานการบริหารงานบุคคล การออกกฎ ก.ตร. การจัดระบบราชการ การแต่งตั้งโยกย้าย การดำเนินการทางวินัย และการควบคุมการเกษียณอายุราชการ.[5, 8, 9, 13, 14, 15]
- ก.ต.ช. (คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ): ถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจบังคับบัญชาตำรวจทั่วประเทศ และกำหนดนโยบายและระเบียบที่ กต.ตร. และ ก.ตร. ต้องปฏิบัติตาม.[2, 7, 10, 13]
แม้ว่าแต่ละองค์กรจะมีบทบาทที่แตกต่างกัน แต่ก็มีความเชื่อมโยงกันในเชิงโครงสร้างการกำกับดูแล โดย กต.ตร. ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลในระดับท้องถิ่น จะรายงานผลการปฏิบัติงานต่อ ก.ต.ช. ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายระดับชาติ.[10] ในขณะเดียวกัน ก.ตร. ซึ่งดูแลการบริหารงานบุคคล ก็ดำเนินการภายใต้กรอบนโยบายที่ ก.ต.ช. กำหนด.[13] โครงสร้างนี้แสดงให้เห็นว่าการตรวจสอบและติดตามในระดับท้องถิ่น (กต.ตร.) ไม่ได้แยกขาดจากระบบการบริหารงานตำรวจและการกำหนดนโยบายที่ใหญ่กว่า แต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่บูรณาการเข้าด้วยกัน ประสิทธิภาพของ กต.ตร. จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดำเนินการในระดับท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความชัดเจนของนโยบายจาก ก.ต.ช. และการตอบสนองของการบริหารงานบุคคลโดย ก.ตร. ด้วย โครงสร้างหลายชั้นนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดทั้งการกำหนดทิศทางนโยบายจากส่วนกลางและการกำกับดูแลการปฏิบัติงานแบบกระจายอำนาจ
เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถเปรียบเทียบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกิจการตำรวจได้ดังตารางต่อไปนี้:
ตารางที่ 1: เปรียบเทียบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกิจการตำรวจ
| หน่วยงาน | ชื่อเต็ม | บทบาทหลัก | ระดับการดำเนินงาน | กฎหมาย/ระเบียบอ้างอิง |
|---|---|---|---|---|
| กต.ตร. | คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ | ตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ, รับเรื่องร้องเรียน, ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน | ท้องถิ่น/สถานีตำรวจ | พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ, ระเบียบ ก.ต.ช. |
| กกต. | คณะกรรมการการเลือกตั้ง | จัดการเลือกตั้ง, สืบสวนไต่สวนและวินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง, ออกกฎระเบียบการเลือกตั้ง | ระดับชาติ | รัฐธรรมนูญ, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. |
| ก.ตร. | คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ | บริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ, กำหนดนโยบายและมาตรฐานการบริหารงานบุคคล, แต่งตั้งโยกย้าย, ดำเนินการทางวินัย | ระดับชาติ | พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ |
| ก.ต.ช. | คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ | ผู้บังคับบัญชาสูงสุด, กำหนดนโยบายตำรวจทั่วประเทศ, กำหนดระเบียบที่ กต.ตร. และ ก.ตร. ต้องปฏิบัติตาม | ระดับชาติ (สูงสุด) | พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ |
อำนาจหน้าที่และบทบาทของ กต.ตร. ตามกฎหมายและระเบียบ
คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) มีอำนาจหน้าที่และบทบาทที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนในกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกมิติของการกำกับดูแลและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยสามารถแบ่งภารกิจหลักออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้:
ภารกิจหลัก (Main Missions)
ตามมาตรา 18(6) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ กต.ตร. มีหน้าที่สำคัญในการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ (สน./สภ.) ให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.).[2] แนวทางการตรวจสอบนี้ครอบคลุมทั้งการประเมินความสำเร็จของงานตามเป้าหมายที่วางไว้ และการตรวจสอบตามคำร้องเรียนที่ได้รับจากประชาชน.[2] การทำหน้าที่นี้เป็นหัวใจสำคัญของการกำกับดูแล เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติงานของตำรวจสอดคล้องกับนโยบายและตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง
ภารกิจสนับสนุน (Support Missions)
ภายใต้ระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ. 2549 (หรือ 2551 ในบางบริบท) กต.ตร. มีบทบาทในการสนับสนุนการทำงานของสถานีตำรวจในหลายด้าน.[2, 10] ซึ่งรวมถึงการให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของ ก.ต.ช..[2, 10] นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจและการบริหารงานตำรวจโดยรวม.[2, 10]
หนึ่งในบทบาทสำคัญคือการรับคำร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจในสถานีตำรวจ และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยการรับคำร้องเรียน.[2, 10, 11] กต.ตร. ยังมีหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารและนำเสนอถึงปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนในเขตพื้นที่ เพื่อให้สถานีตำรวจได้รับทราบและนำไปพิจารณาแก้ไข.[2, 10] การให้คำแนะนำและช่วยเหลือสนับสนุนการประชาสัมพันธ์งานของสถานีตำรวจก็เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ช่วยสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างตำรวจกับชุมชน.[2, 10] เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น กต.ตร. ยังสามารถแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการตามที่ กต.ตร.สน./สภ. มอบหมายได้.[2, 7, 10] สุดท้าย กต.ตร. มีหน้าที่รายงานผลการปฏิบัติงานให้ ก.ต.ช. ทราบ [2, 7, 10] และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ ก.ต.ช. มอบหมาย.[2, 7, 10]
ภารกิจการมีส่วนร่วม (Participation Missions)
ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ และระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 กต.ตร. มีบทบาทในการกำหนดลักษณะ รูปแบบ และวิธีการให้ท้องถิ่นและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการตำรวจของสถานีตำรวจ.[2] ในการนี้ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านอื่น ๆ และวิถีการดำรงชีวิตของแต่ละท้องถิ่นและชุมชนเป็นสำคัญ เพื่อให้การมีส่วนร่วมนั้นสอดคล้องกับบริบทและความต้องการของพื้นที่.[2]
กิจกรรมในการมีส่วนร่วมครอบคลุมหลายด้าน อาทิ การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม, การรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน, การป้องกันปราบปรามยาเสพติด, การจราจร, การดูแลสาธารณสมบัติ, และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น.[2] การทำหน้าที่นี้แสดงให้เห็นถึงมิติเชิงรุกที่สำคัญของ กต.ตร. ซึ่งนอกเหนือไปจากการกำกับดูแลและตอบสนองต่อข้อร้องเรียน โดยการกำหนดแนวทางการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ กต.ตร. ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ประชาชนไม่ได้เป็นเพียงผู้รับบริการจากตำรวจเท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนที่กระตือรือร้นในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในท้องถิ่น ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากหน่วยงานกำกับดูแลไปสู่หน่วยงานที่อำนวยความสะดวกในการแก้ไขปัญหาโดยชุมชนเป็นผู้นำ และแบ่งปันความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ
การเน้นย้ำถึงการพิจารณา "ปัจจัยด้านอื่น ๆ และวิถีการดำรงชีวิตของแต่ละท้องถิ่นและชุมชน" [2] ภายในกรอบการมีส่วนร่วม แสดงให้เห็นว่านโยบายตำรวจระดับชาติจะต้องสามารถปรับให้เข้ากับบริบทของท้องถิ่นได้ การกระจายอำนาจในการมีส่วนร่วมของชุมชนนี้ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาความมั่นคงในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมยิ่งขึ้น แทนที่จะใช้วิธีการแบบเดียวที่ใช้ได้กับทุกพื้นที่ การดำเนินการนี้มีส่วนช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่กว้างขึ้นในการ "รักษาความมั่นคงของราชอาณาจักร" [16] โดยการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยืดหยุ่นจากระดับพื้นฐานขึ้นไป
เพื่อสรุปอำนาจหน้าที่หลักของ กต.ตร. สามารถดูได้จากตารางต่อไปนี้:
ตารางที่ 2: สรุปอำนาจหน้าที่หลักของ กต.ตร.
| ประเภทภารกิจ | อำนาจหน้าที่ | กฎหมาย/ระเบียบอ้างอิง |
|---|---|---|
| ภารกิจหลัก | ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจตามนโยบาย ก.ต.ช. (รวมถึงการประเมินความสำเร็จของงานและการตรวจสอบตามคำร้องเรียน) | มาตรา 18(6) พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ |
| ภารกิจสนับสนุน | ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ, ส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพของตำรวจ, รับคำร้องเรียนของประชาชน, ให้ข้อมูลข่าวสารและเสนอความต้องการของประชาชน, ช่วยเหลือการประชาสัมพันธ์งานของสถานีตำรวจ, แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ/คณะทำงาน/ที่ปรึกษา, รายงานผลการปฏิบัติงานให้ ก.ต.ช. ทราบ, ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ ก.ต.ช. มอบหมาย | ระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วย กต.ตร. พ.ศ. 2549/2551 |
| ภารกิจการมีส่วนร่วม | กำหนดรูปแบบและวิธีการให้ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ (เช่น การป้องกันอาชญากรรม, การรักษาความสงบเรียบร้อย, การปราบปรามยาเสพติด, การจราจร, การดูแลสาธารณสมบัติ, การพัฒนาคุณภาพชีวิต) โดยคำนึงถึงบริบทท้องถิ่น | มาตรา 7 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ, ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 |
คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา (กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา)
คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา (กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา) เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำแนวคิด กต.ตร. มาปฏิบัติในระดับท้องถิ่น เพื่อให้การกำกับดูแลและการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม
โครงสร้างและรายชื่อคณะกรรมการชุดปัจจุบัน
คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ โดย นางอัมพร แก้วแสง ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา สำหรับวาระบริหารในปี 2567 โดยได้รับเลือกจากสมาชิกอย่างเป็นเอกฉันท์ ทั้งนี้ พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานคนที่ 1.[3, 6, 18] การเปลี่ยนแปลงผู้นำนี้แสดงให้เห็นถึงพลวัตขององค์กร กต.ตร. ซึ่งมีการดำเนินการตามกระบวนการประชาธิปไตยในการคัดเลือกผู้นำอย่างสม่ำเสมอ สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างการกำกับดูแลท้องถิ่นที่มีการเคลื่อนไหวและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา การเปลี่ยนผ่านผู้นำนี้ยังอาจส่งสัญญาณถึงทิศทางเชิงกลยุทธ์หรือลำดับความสำคัญใหม่สำหรับคณะกรรมการภายใต้การนำชุดใหม่
คณะกรรมการชุดปัจจุบันประกอบด้วยรองประธาน 3 ท่าน ได้แก่ พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ดำรงตำแหน่งรองประธานคนที่ 1, นายดำรงค์เกียรติ พินิจการ เป็นรองประธานคนที่ 2, และ ว่าที่ร้อยตรีชาญยุทธ ยังดีปรีดา เป็นรองประธานคนที่ 3.[6] นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการบริหารอีกจำนวน 22 คน.[6]
ตารางที่ 3: รายชื่อประธานและรองประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา ชุดปัจจุบัน
| ตำแหน่ง | ชื่อ-นามสกุล | วาระ | ข้อสังเกต |
|---|---|---|---|
| ประธาน | นางอัมพร แก้วแสง | - | ได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ |
| รองประธานคนที่ 1 | พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ | - | ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา |
| รองประธานคนที่ 2 | นายดำรงค์เกียรติ พินิจการ | - | - |
| รองประธานคนที่ 3 | ว่าที่ร้อยตรีชาญยุทธ ยังดีปรีดา | - | - |
ผลการดำเนินงานและกิจกรรมที่สำคัญของ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา
กต.ตร.สภ.เมืองพัทยามีการดำเนินงานและกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อตอบสนองต่อภารกิจหลักและภารกิจสนับสนุน โดยมีการจัดประชุมเป็นประจำ เช่น การประชุมประจำเดือนมิถุนายน 2567 ที่โรงเรียนเมืองพัทยา 10 (บ้านเกาะล้าน) ซึ่งมีการรายงานผลการทำงานในห้วงเวลาที่ผ่านมา และหารือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่.[19, 20]
นอกเหนือจากหน้าที่กำกับดูแลอย่างเป็นทางการ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยายังแสดงให้เห็นถึงแนวทางที่เน้นการปฏิบัติจริงและมุ่งเน้นชุมชนเป็นสำคัญผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การพิจารณาจัดกิจกรรมงานคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อระดมทุนบำรุงกิจการของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา รวมถึงสนับสนุนด้านสาธารณสุขของโรงพยาบาลเมืองพัทยา.[19, 20] นอกจากนี้ ยังมีการปรึกษาหารือเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพัฒนาป้อมตำรวจสายตรวจเกาะล้าน.[19, 20]
การรับฟังปัญหาจากประชาชนชาวเกาะล้านโดยตรงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ กต.ตร. ในการเข้าถึงและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนอย่างใกล้ชิด.[19, 20] เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจการตำรวจ จะมีการเปิดรับสมัครอบรมเจ้าหน้าที่อาสาตำรวจรุ่นที่ 2 ประจำปี 2567.[19, 20] กิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการปฏิบัติตามข้อกำหนดเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่จับต้องได้ระหว่างตำรวจและชุมชน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กต.ตร. ในระดับท้องถิ่นทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเพื่อการปรับปรุงที่เป็นรูปธรรมและการมีส่วนร่วมของชุมชน
ภายใต้การนำของประธานคนใหม่ นางอัมพร แก้วแสง ได้เน้นย้ำถึงแนวทางการขับเคลื่อนงานของ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีการร้องเรียนจากประชาชนในเรื่องที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม กต.ตร. จะเข้าไปตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรม.[6] นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะปรับปรุงภูมิทัศน์ห้องแจ้งความชั้น 1 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน.[6]
การให้ความสำคัญกับ "ป้อมตำรวจสายตรวจเกาะล้าน" และการมีส่วนร่วมโดยตรงกับ "ประชาชนชาวเกาะล้าน" [19, 20] แสดงให้เห็นว่า กต.ตร. ปรับใช้หน้าที่ของตนเพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายเฉพาะของท้องถิ่น เกาะล้านซึ่งเป็นเกาะย่อมมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยและโลจิสติกส์ที่แตกต่างจากพัทยาบนแผ่นดินใหญ่ การมุ่งเน้นไปที่ปัญหาเฉพาะในพื้นที่และการรับสมัครอาสาสมัครในท้องถิ่น ทำให้ กต.ตร. ไม่ได้เพียงแค่ดำเนินการตามนโยบายระดับชาติเท่านั้น แต่ยังปรับแต่งนโยบายให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสาธารณะและประสิทธิภาพของตำรวจในพื้นที่ย่อย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจในการบรรลุผลลัพธ์ที่ละเอียดและมีผลกระทบ
ผลงานและกิจกรรมที่สำคัญของ กต.ตร. ประจำปี 2568
คณะกรรมการตรวจสอบติดตามการบริหารงาน สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เป็นกลุ่มคนที่ทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์และร่วมทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้กับสถานีตำรวจ โดยมีผลงานและกิจกรรมสำคัญดังนี้
ผลงานคณะ กต.ตร. 68
- 1. ระดมทุนเพื่อปรับปรุงจุดบริการสถานีตำรวจย่อยเกาะล้าน
- 2. ร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายและปรับปรุงศูนย์ประสานงาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา และอส.ตร.สภ.เมืองพัทยา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวหลังใหม่
- 3. มอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน ให้แก่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา ด้านงานสืบสวน โดยมี รองผู้กำกับการ เป็นผู้รับมอบ
- 4. คุณสำเนียง เหมาะมาศ (ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์) พร้อมคณะ กต.ตร. ให้การสนับสนุนจอ LED มูลค่า 285,900 บาทให้กับสภ.เมืองพัทยา ณ ห้องศปก.
- 5. นางอัมพร แก้วแสง ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา ร่วมมอบสิ่งของจำเป็นทั้งอาหารแห้ง น้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภค ร่วมสบทบสิ่งของให้กับนายอลงกรณ์ แซ่ตั้ง (ร้านเม้งการยาง) เพื่อจัดส่งไปช่วยเหลือตำรวจตระเวนชายแดน และทหารพรานในพื้นที่ชายแดน จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ รวมกว่า 7-8 คันรถ 6 ล้อ การสนับสนุนเพื่อเจ้าหน้าที่แนวหน้า เป็นอีกพลังสำคัญที่สร้างกำลังใจและความเข้มแข็งให้กับผู้ปฏิบัติงานพื้นที่ชายแดน
- 6. ฮอลลีวูด พัทยา นำโดย นายวิชัย รอดเปีย ผู้บริหารฯ ร่วมกับ เมืองพัทยา และ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา นำโดย นางอัมพร แก้วแสง ประธาน กต.ตร.ฯ พร้อมผู้มีจิตศรัทธา จัดกิจกรรมระดมบริจาคน้ำดื่ม อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็น เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือไปยังศูนย์พักพิงผู้อพยพ ตำรวจตระเวนชายแดน และทหารประจำการในจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 🇹🇭🇹🇭🇹🇭🇹🇭🇹🇭🇹🇭🇹🇭🇹🇭🇹🇭🇹🇭
กิจกรรมที่เข้าร่วม
- 1. เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 (ร่วมกับอำเภอ)
- 2. พิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 (อำเภอบางละมุง)
- 3. พิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 (อำเภอ)
- 4. เข้าร่วมงานโครงการประกวดวาดภาพทัศนศิลป์เมืองพัทยาในหัวข้อ "เมืองพัทยา วิถีแห่งสีสัน" ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 (ร่วมกับสภาวัฒนธรรมเมืองพัทยา)
ช่องทางการติดต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา
การเข้าถึงข้อมูลและช่องทางการติดต่อของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประชาชนในการแจ้งเรื่องร้องเรียน ขอความช่วยเหลือ หรือติดต่อประสานงานกับ กต.ตร. สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาเป็นหน่วยงานปฏิบัติการหลักที่ กต.ตร. ดำเนินงานร่วมด้วย การมีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจนและหลากหลายช่วยสนับสนุนการทำงานของ กต.ตร. ในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกลไกการร้องเรียนและการมีส่วนร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลการติดต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยามีดังนี้:
- ที่อยู่: 304 ซอย 9 ถนนพัทยา หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150.[21]
- หมายเลขโทรศัพท์: 038-420804-5 หรือ 082-7999111.[21]
- โทรสาร (Fax): 038 424 186.[21]
- อีเมล: pattaya@police.p2.go.th.[21]
- ช่องทางโซเชียลมีเดีย: สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยามีช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook, YouTube, Instagram, และ TikTok เพื่อการสื่อสารและประชาสัมพันธ์.[21]
- เว็บไซต์ทางการ: เว็บไซต์ของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาคือ pattaya.chonburi.police.go.th [21, 22] ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (royalthaipolice.go.th).[23, 24]
การจัดหาช่องทางการติดต่อที่เฉพาะเจาะจงและหลากหลาย (โทรศัพท์, อีเมล, โซเชียลมีเดีย, ที่อยู่จริง) สำหรับสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาไม่ได้เป็นเพียงการแสดงรายการข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการทำงานหลักของ กต.ตร. ในการอำนวยความสะดวกในการร้องเรียนและการมีส่วนร่วมของประชาชน การเข้าถึงสถานีตำรวจและคณะกรรมการกำกับดูแลได้อย่างง่ายดายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการส่งเสริมความโปร่งใสและความรับผิดชอบ หากประชาชนไม่สามารถติดต่อตำรวจหรือหน่วยงานกำกับดูแลได้อย่างง่ายดาย กลไกการตรวจสอบและข้อเสนอแนะก็จะไม่มีประสิทธิภาพ สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญเชิงปฏิบัติของข้อมูลการติดต่อที่พร้อมใช้งานในบริบทของการกำกับดูแลแบบประชาธิปไตย
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการบริหารงานตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับสถานีตำรวจ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด.[1, 2] บทบาทของ กต.ตร. ครอบคลุมทั้งการตรวจสอบ ติดตาม การให้คำปรึกษา การรับเรื่องร้องเรียน และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในกิจการตำรวจ.[2] กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา มีการดำเนินงานที่แข็งขัน มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำที่สะท้อนถึงพลวัตขององค์กร และมีกิจกรรมที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง.[6, 19]
รายงานนี้ได้เน้นย้ำถึงบทบาทที่หลากหลายของ กต.ตร. และความสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างตำรวจและประชาชน อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพขององค์กรดังกล่าวขึ้นอยู่กับการรับรู้ของสาธารณะและความสามารถในการดำเนินการ ดังนั้น เพื่อให้ กต.ตร. สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มศักยภาพและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนอย่างยั่งยืน จึงมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้:
- การประชาสัมพันธ์เชิงรุก: ควรมีการประชาสัมพันธ์บทบาท อำนาจหน้าที่ และช่องทางการติดต่อของ กต.ตร. ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องผ่านช่องทางที่หลากหลาย เช่น สื่อสังคมออนไลน์ ป้ายประชาสัมพันธ์ในชุมชน หรือการจัดกิจกรรมพบปะประชาชน เพื่อให้กลไกการรับเรื่องร้องเรียนและการมีส่วนร่วมของประชาชนมีประสิทธิภาพสูงสุด หากประชาชนไม่ทราบถึงการมีอยู่ของ กต.ตร. หรือวิธีการติดต่อ ภารกิจในการรับเรื่องร้องเรียนและการมีส่วนร่วมก็จะไม่ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่.[2]
- การบูรณาการข้อมูลและการเผยแพร่ผลการดำเนินงาน: ควรมีการรวบรวมและเผยแพร่ผลการดำเนินงานของ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา รวมถึงมติการประชุม ข้อเสนอแนะ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบบนช่องทางที่เข้าถึงง่าย เช่น เว็บไซต์สถานีตำรวจ หรือแพลตฟอร์มดิจิทัลของเมืองพัทยา เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับสาธารณะและผู้ที่สนใจ หากไม่มีการรายงานผลลัพธ์อย่างโปร่งใส ความไว้วางใจของประชาชนก็จะไม่สามารถสร้างขึ้นได้อย่างเต็มที่.[19, 20]
- การเสริมสร้างศักยภาพคณะกรรมการ: ควรมีการฝึกอบรมและเสริมสร้างศักยภาพให้กับคณะกรรมการ กต.ตร. อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความเข้าใจในบทบาท อำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการพัฒนาทักษะในการรับฟังปัญหา การไกล่เกลี่ย และการประสานงาน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย การเสริมสร้างศักยภาพของสมาชิกคณะกรรมการเองจะช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร.
ข้อเสนอแนะเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ กต.ตร. ก้าวข้ามการเป็นเพียงหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ไปสู่การเป็นกลไกที่มีบทบาทสำคัญอย่างแท้จริงในการสร้างความร่วมมือระหว่างตำรวจและประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน.