จับแก็งค์เรียกค่าไถ่ ตัดนิ้วกลืนกิน

ตร.พัทยา ออกหมายจับ 2 จีนแก๊งอุ้มพันธนาการรีดค่าไถ่ เผยตาเต้า สุดโรคจิต ตัดนิ้วเหยื่อ-กลืนลงท้อง

     เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 1 พ.ย. พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ในฐานะหัวหน้าคุมงานสอบสวน กล่าวถึง คดีแก๊งคนจีนอุ้มเพื่อนร่วมชาติ จับพันธนาการ ตัดนิ้ว รีดค่าไถ่ 30 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยราว 150 ล้านบาท

         หลังจากตำรวจสืบสวนภาค2 ร่วมกับทีมคลี่คลายคดีจากส่วนกลาง เข้าจับกุมตัว MR.ZHANG DELONG อายุ 30 ปี ชาวจีน หรือตาเต้า ได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านเอกมัย-ทองหล่อ กทม. หลังจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ร่วมขบวนการ

         ทั้งนี้ ตำรวจได้จับกุมในข้อหา อยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดระยะอนุญาต “โอเวอร์สเตย์“ ก่อนจะส่งตัวมาสอบสวนต่อยัง สภ.เมืองพัทยา โดยเจ้าตัวยังคงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ

          ต่อมาตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเขต 2 ชลบุรี ได้เบิกตัวไปทำการตรวจ ดีเอ็นเอ เพื่อหาจุดเชื่อมโยง หลังตำรวจสามารถยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ เป็น เชือกไนลอน มีดพกและเทปกาว ได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ข้างตลาดเห่าดง เลขที่ 12/306 ม.7 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

         อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขออำนาจศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับคนร้าย

          เบื้องต้นจำนวน 2 คน คือ นายตาเต้า ที่ถูกจับไปก่อนหน้า และเพื่อนอีก 1 ขอ ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ กลัวคนร้ายจะไหวตัวหลบหนีไปนอกประเทศ โดยทั้ง 2 คน โดนหมายจับในข้อกล่าวหา 1.ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว 2.ร่วมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส 3.ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 4.ร่วมกันเรียกค่าไถ่

นอกจากนี้ ทีมพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้เดินทางไปสอบปากคำ ผู้บาดเจ็บ ที่ รพ.กรุงเทพ-พัทยา เพื่อรวมรวบพยานหลักฐานในการออกหมายจับแก๊งชาวจีน โดยมีการยันยันแล้วว่า กรณีนิ้วก้อยข้างขวา ของผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังจากถูก MR.ZHANG หรือตาเต้า เป็นผู้ลงมือใช้กรรไกรตัด จากนั้นก็อัดคลิปส่งให้ แฟนสาวของเหยื่อ เพื่อข่มขู่รีดเงินเสร็จแล้ว ได้หยิบเอานิ้วของเหยื่อใส่เข้าปากเคี้ยวกลืนลงท้องทันที

ในส่วนการเรียกค่าไถ่ โดยมีการพูดคุยผ่าน แอพพลิเคชั่น “Telegram” (เทเลแกรม) ซึ่งคนร้ายใช้บัญชี “??” ในการพูดคุย โดยข้อความแชทระบุ ว่าครั้งแรกมีการเรียกเงิน 30 ล้านหยวน แต่หลังมีการโอนเงินไป 3 ครั้ง ครั้งละ 50,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 150,000 บาท หลังจากนั้นมีการต่อรองอีกครั้ง ก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุ จะลดลงมาเหลือ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (Usd) คิดเป็นเงินไทยราว 37 ล้านบาท.

ขอขอบคุณที่มาของข่าว “ฉลามนิวส์” 1/11/2565